เกษียณเกษมสุข
(ชีวิตการทำงานในจุฬาฯ จนถึงเกษียณ)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคำนึงถึงความสำคัญของคุณภาพชีวิตบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีแก่บุคลากรยังช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่องค์กร ว่าบุคลากรที่ปฏิบัติงานนั้นจะนำพามาซึ่งประสิทธิภาพในการทำงาน และก่อให้เกิดความผูกพันกับองค์กร เหตุนี้จุฬาฯ จึงมีการวางแผนพัฒนาการดูแลบุคลากร และสวัสดิการต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มทำงานกับจุฬาฯ ระหว่างทำงาน เกษียณ จวบจนหลังเกษียณ ครอบคลุมทุก ๆ ด้าน ให้มั่นใจว่าชาวจุฬาฯ จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตลอดช่วงชีวิตอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ข้อความข้างต้นอาจจะไม่สามารถอธิบายให้เห็นภาพได้ชัดเจนเท่ากับคนที่ได้ประสบโดยตรง ด้วยเหตุนี้ เราจึงเชิญตัวแทนบุคลากรมาเล่าถึงประสบการณ์ และความประทับใจในการทำงานภายในรั้วจามจุรีมาตลอดอายุการปฏิบัติงานมากกว่าสามสิบปี ตั้งแต่เริ่มต้นการทำงาน จนถึงวันเกษียณ ผ่านคำบอกเล่าของตัวแทนของกลุ่มบุคลากรผู้เกษียณอายุการทำงานในปี พ.ศ.2566 ในตำแหน่งที่แตกต่างกันของบุคลากรจุฬาฯ ประกอบไปด้วย

.
รศ.ดร.ศิริรัตน์ แอดสกุล
อาจารย์
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
คณะรัฐศาสตร์
บรรจุ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2535
(อายุงาน 32 ปี)

.
คุณกเชนทร เอื้อเฟื้อกลาง
เจ้าหน้าที่สำนักงาน
หน่วยงานพัสดุ
คณะแพทยศาสตร์
บรรจุ: วันที่ 17 ตุลาคม 2531
(อายุงาน 34 ปี 11 เดือน)

.
คุณชัยมงคล บุญเปี่ยม
พนักงานรักษาความปลอดภัย
ศูนย์รักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บรรจุ: 1 พฤศจิกายน 2533
(อายุงาน 33 ปี)
ความรู้สึกที่ได้เข้ามาทำงานที่จุฬาฯ
รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริรัตน์
ตลอดระยะเวลาที่ทำงานอยู่ที่จุฬาฯ เกือบ 32 ปีนั้น มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกและมีสถานภาพเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่นี่ การสอนหนังสือนั้นเป็นการให้ความรู้แก่นิสิตให้เป็นบัณฑิตแห่งจุฬาฯ ที่ดีมีคุณภาพ มีคุณธรรม มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ตามปณิธานของจุฬาฯ คือ การสอนให้เป็นคนที่มีความรู้คู่คุณธรรม
คุณกเชนทร
เราเคยเดินเคยนั่งรถผ่านรั้วจุฬาฯ มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยแรก ๆ ที่เข้ามากรุงเทพฯ ตอนนั้นก็มีความรู้สึกว่าอยากเข้ามาทำงานที่นี่ ดังนั้นตอนที่ได้เข้ามาทำงานครั้งแรกที่คณะแพทยศาสตร์ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มาทำงานที่จุฬาฯ มาก ๆ ครับ
คุณชัยมงคล
ดีใจครับ อยากทำงานที่นี่เพราะคิดว่าสวัสดิการของมหาวิทยาลัยน่าจะดีกว่าเป็นยามของบริษัทครับ รู้สึกประทับใจและภูมิใจมากครับที่ได้มาทำงานที่จุฬาฯ
สิ่งที่ประทับใจในการทำงานกับจุฬาฯ หรือประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้รับจากการทำงานในจุฬาฯ
รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริรัตน์: การที่เราได้มีส่วนสร้างบัณฑิตที่ดีมีคุณภาพออกสู่สังคม มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ในฐานะที่เป็นอาจารย์มีความภาคภูมิใจที่ลูกศิษย์ทุกคนล้วนเป็นอภิชาตศิษย์ทั้งสิ้น มีความมานะ ขยันหมั่นเพียร เจริญก้าวหน้าและมีพัฒนาการขึ้นอย่างรวดเร็ว
คุณกเชนทร: ภูมิใจกับรางวัลต่าง ๆ ที่ได้รับมาครับ เรามีโอกาสได้ทำงานให้กับจุฬาฯ ในส่วนรวมนะครับ ก็คืองานกีฬาบุคลากร ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสดงต่าง ๆ จนได้รับรางวัล รวมไปถึงโครงการโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์คุณธรรม ก็ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในด้านจิตอาสาในการทำงานโครงการนี้ด้วย และล่าสุดคือการได้รับรางวัลเพชรพัสดุ โดยตอนแรกตนเองก็ไม่คิดว่าได้รับรางวัลนี้ แต่ก็เป็นโอกาสที่ท่านผู้บริหารมองเห็นว่าที่ผมได้ปฏิบัติงานมาโดยตลอดมีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจนและควรจะได้รับรางวัลนี้



คุณชัยมงคล: รางวัลคนดีศรีจุฬาฯ นี้ภูมิใจมากที่สุดครับ เพราะเป็นรางวัลสุดท้ายก่อนที่จะเกษียณพอดี ผมก็คิดไว้ว่าผมได้รางวัลนี้ผมก็จะเก็บรักษาความดีนี้ไว้คู่กับชื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตลอดไปครับ
สวัสดิการจุฬาฯ ที่ประทับใจที่สุด
รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริรัตน์: จากบทเพลง “เพชรชมพู” ทำให้นึกถึงประโยคที่ว่า “จุฬาฯของเราให้เราทุกอย่าง” ก็คงเป็นจริงตามนั้น แต่ถ้าให้ตัดสินใจเลือกสวัสดิการเพียงหนึ่งเดียว ขอเลือกเป็นสวัสดิการด้านการศึกษา คือ การให้บุคลากรสามารถนำบุตรเข้าศึกษาได้ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ดีมีมาตรฐานการศึกษา นักเรียนมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันในระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ที่อยู่ในกำกับและการดูแลของคณาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ด้วย
คุณกเชนทร: สวัสดิการในเรื่องของบ้านที่อยู่อาศัย จุฬาลงกรณ์ก็มีเงินกู้เพื่อเคหะสงเคราะห์ของมหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนทุนทรัพย์ในการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับตนเองและครอบครัว ก็เป็นความภาคภูมิใจ ที่เราได้มีบ้านในทุกวันนี้ก็เพราะจุฬาฯ
คุณชัยมงคล: สวัสดิการในการสมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครับ แต่จริง ๆ ก็มีหลายอย่างครับ โดยเฉพาะสวัสดิการด้านสุขภาพ ช่วยเหลือตอนที่เราเจ็บป่วย ให้เบิกจ่ายได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินสดเยอะ ต่างจากบริษัทอื่น ๆ ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองครับ

.

สิ่งที่อยากจะฝากถึงคนรุ่นต่อ ๆ ไป หรือบุคลากรรุ่นหลัง
รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริรัตน์: ขอให้ทุกคนจงมีความภาคภูมิใจในการที่ได้โอกาสเข้ามาเป็นบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งนี้ จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย หลายคนที่พอได้ยินว่าเราทำงานที่จุฬาฯ เราเป็นอาจารย์จุฬาฯ เป็นนิสิตจุฬาฯ เขาเหล่านั้นต่างก็บอกว่าดีจัง เก่งจัง ครอบครัวและเครือญาติต่างก็ดีใจและภูมิใจมาก

คุณกเชนทร: การทำงานต้องมีระเบียบวินัยนะครับ เพื่อให้เราทำงานได้ถูกต้องตามระเบียบ คำว่าวินัยทุกคนก็ต้องมีเพื่อที่จะให้งานมีข้อผิดพลาดและเกิดข้อบกพร่องน้อยลง นอกเหนือจากงานที่ปฏิบัติผมก็อยากให้น้อง ๆ มีคำว่า “จิตอาสา” ในการทำงานพวกอย่างเราๆ เจ้าหน้าที่ถ้าพอมีเวลาว่างก็อยากให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งมีส่วนร่วมกับงานหรือโครงการของจุฬาฯ ครับ
คุณชัยมงคล: ก็ขอให้น้อง ๆ ที่ยังทำงานอยู่ ก็อยากให้ตั้งใจทำงานและรักษามาตรฐานการทำงานให้ดีไว้ครับ และก็ให้บริการด้วยใจ ใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่ครับ เดี๋ยวสิ่งดี ๆ ก็จะตามมาครับ
จากบทสัมภาษณ์ข้างต้น คงจะพอทำให้เราเห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนทำงานภายในจุฬาฯ ชัดเจนมากขึ้น มีทั้งส่วนที่ทุกคนรู้สึกเหมือนกัน และจุดที่รู้สึกแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ในทุก ๆ แง่มุม ก็สะท้อนให้เห็นว่าจุฬาฯ ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของบุคลากรจริง ๆ พร้อมปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย และพัฒนาไปควบคู่กัน ทั้งสถาบัน และบุคลากรภายในองค์กรทุกระดับชั้น จุฬาฯ ไม่ได้มองแค่ความสัมพันธ์แบบนายจ้าง ลูกจ้าง แต่ยังมองไปถึงการเสริมสร้างความสุขทั้งทางกาย และความสบายใจของบุคลากรภายในรั้วจามจุรีผ่านสวัสดิการ และการดูแลในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งบทสัมภาษณ์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถยืนยันได้ถึงความผูกพันที่มีต่อองค์กรของตัวแทนบุคลากรทั้งสามท่าน ที่เปรียบดั่งครอบครัวคนสำคัญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย